
คุณเอนก นาวิกมูล เจ้าสำนักบ้านพิพิธภัณฑ์ เคยเขียนหนังสืออธิบายไว้ว่า เหตุที่ตำบลระแหง ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไร่นาของราษฎร เกิดเจริญมีตลาดคึกคักในสมัยก่อน ก็เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ปลายทางสุด ของทางรถไฟสายกรุงเทพฯ – บางบัวทอง – ลาดหลุมแก้ว อันเป็นทางรถไฟเอกชน สร้างโดยเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว. เย็น อิศรเสนา) ทางรถไฟนี้ตั้งต้นตั้งแต่วัดลิงขบ บ้านเตาปูน ผ่านเมืองนนทบุรีแถบวัดเฉลิมพระเกียรติ ตัดทุ่งบางบัวทองไปถึงระแหง แล้วก็หมดลงเพียงแค่นั้น ทั้งๆ เดิมที มีโครงการจะสร้างยาวไปถึงตำบลเจ้าเจ็ด อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโน่นทีเดียว
เริ่มสร้างทางรถไฟเมื่อ พ.ศ. 2452 อีกหกปีต่อมา คือ พ.ศ. 2458 ก็ให้บริการเดินรถได้ ว่ากันว่ามีคนแห่มาใช้บริการมาก แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครทราบแม้แต่ว่า เลิกเดินรถไปตั้งแต่เมื่อใด สถานีอยู่ ณ ที่ใด และเหตุใดจึงได้เลิกราไป
ตลาดริมคลองระแหงในปัจจุบันนี้ ก็เหมือนตลาดเก่าแก่ อีกหลายสิบหลายร้อยแห่งในชนบทไทยเวลานี้นั่นแหละครับ ที่เป็นตลาดห้องแถวไม้สองชั้น เรียงรายไปตามริมคลอง อันเป็นเส้นทางคมนาคมหลักในสมัย ไม่ต่ำกว่าครึ่งศตวรรษก่อน โชว์ผิวเนื้อไม้สีน้ำตาลเก่าคร่ำคร่า ที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน โดยมิได้ฉาบทาสีสันใดทับลงไป
ตลาดเก่าเหล่านี้ จะว่าไปก็คือ "พิพิธภัณฑ์" ที่ยังมีลมหายใจ มีกิจกรรมความเคลื่อนไหวจริงๆ โดยผู้คนที่ใช้ชีวิตกินอยู่ หลับนอนอยู่จริงๆ ณ สถานที่แห่งนั้น เราสามารถจะซื้อแฟ้บ สบู่ ยาสระผมกลับบ้าน หากับข้าวกับปลาแบบโบราณๆ หรือกระทั่งตัดผม แคะหูได้จริงๆ ในบรรยากาศย้อนยุค ที่มีอยู่จริง ณ เวลาของปัจจุบัน
ตลาดเก่าเหล่านี้ จะว่าไปก็คือ "พิพิธภัณฑ์" ที่ยังมีลมหายใจ มีกิจกรรมความเคลื่อนไหวจริงๆ โดยผู้คนที่ใช้ชีวิตกินอยู่ หลับนอนอยู่จริงๆ ณ สถานที่แห่งนั้น เราสามารถจะซื้อแฟ้บ สบู่ ยาสระผมกลับบ้าน หากับข้าวกับปลาแบบโบราณๆ หรือกระทั่งตัดผม แคะหูได้จริงๆ ในบรรยากาศย้อนยุค ที่มีอยู่จริง ณ เวลาของปัจจุบัน

ถัดเข้าไปจึงเริ่มเป็นร้านขายของใช้ครัวเรือนเก่าๆ พวกเตาไฟ รังผึ้ง เคียวเกี่ยวข้าว ผ้าขาวม้าโสร่ง ไม้กวาดอ่อน ไปจนถึง ขนมขบเคี้ยว และลูกอมนานาชนิด
ร้านขายเสื้อผ้า เป็นแบบเดียวกับที่เคยซื้อเมื่อตอนเด็กๆ กว่าสามสิบปีที่แล้ว ที่ตลาดอำเภอเมืองราชบุรี

ตรงมุมสุดของห้องแถว มีศาลเจ้าเล็กๆ อยู่หลังหนึ่ง จุดนั้นมีสะพานทอด ให้คนทั้งสองฝั่งคลองเดินข้ามไปมา